รายชื่อจังหวัดรับมือผลกระทบจากพ ายุคมปาซุ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทย า เรื่องพายุโซนร้อนกำลังแ รง “คมปาซุ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 13 – 14 ตุลาคม 2564 จะอ่อนกำลังลง และทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ประกอบกับในช่วงวันที่ 12 – 16 ตุลาคม 2564 ร่องมรสุ มจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุ มตะวันตกเฉียงใต้กำลังแร ง ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ นั้น
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ประเมินและวิเคร าะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) แล้วพบว่า มีพื้นที่เสี่ย งเฝ้าระวั งระดับน้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในช่วงวันที่ 13 – 20 ตุลาคม 2564 ดังนี้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณแม่น้ำมูล ได้แก่
– จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอประโคนชัย อำเภอสตึก และอำเภอคูเมือง
– จังหวัดสุรินทร์ อำเภอชุมพลบุรี และอำเภอท่าตูม
– จังหวัดศรีสะเกษ อำเภอเมืองศรีสะเกษ และอำเภอราษีไศล
ภาคกลาง บริเวณแม่น้ำป่าสัก ได้แก่
– จังหวัดพระนครศรีอยุธย า อำเภอท่าเรือ
– จังหวัดสระบุรี อำเภอเมืองสระบุรี
*แม่น้ำลพบุรี ได้แก่
– จังหวัดลพบุรี อำเภอเมืองลพบุรี
*แม่น้ำท่าจีน ได้แก่
– จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอสองพี่น้อง
ภาคตะวันออก ได้แก่
จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด
ภาคตะวันตก ได้แก่
จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี
ภาคใต้
จังหวัดระนอง และพังงา เฝ้าระวั งระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ย งน้ำล้น กระทบบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างฯ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ที่จังหวัดนครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสกลนคร
ภาคตะวันออก
ที่จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคกลาง
ที่จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี
ภาคตะวันตก
จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่เพิ่มขึ้น จึงได้สั่งการโครงการชลประทานในพื้นที่เ สี่ยง ให้เฝ้าระวั งและติดตามสภาพอากาศรวมทั้งสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่ วโมง และพื้นที่จุดเสี่ ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ
พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% หรือเกณฑ์ควบคุมสูงสุด (Upper Rule Curve) ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ พิจารณาปรับการระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้น และเร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้การระบายน้ำทำได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนเตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อส ารสำรอง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภั ยได้ทันที ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทำการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตื อนถึงสถานการณ์น้ำ ล่วงหน้า ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
ที่มา TNNONLINE