อดีตลูกหนี้ กยศ. ร้องโดน‘เบี้ยปรับ’เกือบเท่าเงินต้น-กลัวถูกยึดบ้าน กู้สหกรณ์ฯปิดยอด
อดีตลูกหนี้ กยศ. ร้อง ‘อิศรา’ กู้เงินเรียน 1.9 แสน แต่โดนเบี้ยปรับ 1.7 แสน หวัง กยศ. เห็นใจคืนเบี้ยปรับบ้าง หลังต้องกู้เงินสหกรณ์ฯมาปิดยอดหนี้ เกรงบ้านของพ่อโดนยึดบ้าน
………………………..
สืบเนื่องจากกรณีสำนักข่าวอิศรา (www .isranews. org) ได้รับการร้องเรียนจากลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) อย่างน้อย 2 ราย ที่กู้ยืมเงิน กยศ.ในช่วงปี 2539 และถูก กยศ.ฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งต่อมาลูกหนี้ กยศ.ทั้ง 2 ราย ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ กยศ. โดยยินยอมผ่อนชำระหนี้คืนให้ กยศ. เป็นรายเดือนๆละ 4,500-5,000 บาท เป็นเวลา 9 ปี
แต่ปรากฏว่ายอดหนี้ที่ลูกหนี้ กยศ. ทั้ง 2 ราย ต้องชำระคืนให้กับ กยศ. นั้น มีการคิดเบี้ยปรับเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก และสูงกว่าต้นเงินกู้
ล่าสุดได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.อำพร (ขอสงวนนามสกุล) อดีตลูกหนี้ กยศ. ว่า เมื่อปี 2539 ตนเองกู้ยืมเงินจาก กยศ. เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ซึ่งเมื่อจบการศึกษาแล้ว ก็ได้งานทำ และผ่อนชำระหนี้ได้ตามปกติ โดยผ่อนอยู่ที่ประมาณ 1,000 กว่าบาท/เดือน แต่มีช่วงหนึ่งที่ต้องออกจากงาน ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ กยศ. เป็นเวลาพอสมควร จึงถูก กยศ. เรียกเบี้ยปรับเป็นเงิน 60,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อตนเองได้งานทำใหม่ จึงติดต่อไปยัง กยศ. เพื่อขอผ่อนหนี้รายเดือนตามปกติ แต่ กยศ. บอกว่า หากต้องการกลับมาผ่อนชำระหนี้รายเดือนตามปกติ จะต้องปิดยอดเบี้ยปรับที่ค้างอยู่ 60,000 บาทก่อน ซึ่งตนไม่สามารถหาเงินก้อนมาจ่ายได้ จึงไม่ได้ผ่อนชำระหนี้นานเป็นปี แต่ในระหว่างนั้น กยศ. ติดต่อมาให้ตนเองชำระหนี้บ้าง เพื่อไม่โดนฟ้อง ตนเองจึงหาเงินมาชำระ 10,000 บาท
แต่เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด กยศ.บอกว่า หากไม่มีเงินมาปิดยอดก็ต้องฟ้อง กระทั่งต่อมา กยศ. ได้ฟ้องร้องตนเองและพ่อ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน โดยให้ชำระหนี้เป็นเงิน 405,792.10 บาท แบ่งเป็นเงินต้น 196,720 บาท ดอกเบี้ย 29,549.86 บาท และเบี้ยปรับ 179,512.24 บาท ต่อมาได้มีหมายบังคับคดีไปที่บ้านตนเอง และที่บ้านพ่อ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน ทำให้พ่อเครียดมาก เพราะเกรงว่าจะถูกยึดบ้าน
ดังนั้น ตนจึงหาเงินมาจ่ายหนี้ไปส่วนหนึ่ง ส่วนหนี้ที่เหลืออีก 402,900.74 บาท ซึ่งแบ่งเป็นเงินต้น 196,720 บาท ดอกเบี้ย 29,393.59 บาท และเบี้ยปรับ 176,787.15 บาท นั้น ตนไปกู้ยืมเงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่ง เพื่อนำมาปิดหนี้ กยศ.ทั้งหมด และผ่อนชำระหนี้กับสหกรณ์ฯเดือนละ 8,000 บาท ซึ่งเรื่องนี้หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่า ยอดชำระหนี้ที่ กยศ. เรียกชำระนั้น มีเบี้ยปรับสูงที่มาก
“เงินกู้ กยศ. ดอกเบี้ยไม่เยอะ แต่เบี้ยปรับเยอะมาก อย่าโหดได้ไหมเรื่องเบี้ยปรับ เบี้ยปรับไม่มีได้ไหม เพราะเงินกู้เพื่อการศึกษา เพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่ทำไมคิดเบี้ยปรับเยอะขนาดนั้น” น.ส.อำพร กล่าว
น.ส.อำพร ยังย้ำว่า ตนเองเป็นลูกหนี้ กยศ. รุ่นแรก ซึ่งเป็นรุ่นที่โดนเบี้ยปรับสูงมาก และที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจาก กยศ. โดยการลดเบี้ยปรับเลย ต่างจากลูกหนี้ กยศ.รุ่นหลังๆ ซึ่งทราบว่า กยศ. มีการลดเบี้ยปรับให้ จึงอย ากให้ กยศ.เห็นใจ และลดเบี้ยปรับให้ลูกหนี้ กยศ.รุ่นแรก รวมถึงตนเอง ซึ่งเคยเป็นลูกหนี้ กยศ. เช่น ช่วยคืนเบี้ยปรับมาบ้างบางส่วน เพื่อให้ตนนำไปชำระหนี้สหกรณ์ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ตนเองไม่มีงาน
“เงินต้นที่กู้ 1.9 แสนบาท แต่โดนเบี้ยปรับไปเกือบจะเท่าเงินต้น จนหนี้เพิ่มเป็น 4 แสนบาท แล้วเขาจะไปยึดทรัพย์พ่อ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน ทำให้พ่อเครียดมาก เราจึงต้องไปกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ฯมา 4 แสนบาท เพื่อชำระหนี้คืน กยศ. ทุกวันนี้ยังต้องผ่อนสหกรณ์เดือนละ 8,000 บาท และที่ร้องเรียนมานี้ ก็เผื่อว่า กยศ.จะลดเบี้ยปรับให้ จะได้นำเบี้ยปรับที่ กยศ.ลดให้ ไปจ่ายคืนหนี้สหกรณ์ได้บ้าง เพราะตอนนี้ไม่มีงานทำ ก็หวังว่า กยศ.จะเห็นใจ” น.ส.อำพร กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ทำหนังสือชี้แจงสำนักข่าวอิศรา ถึงสาเหตุที่ กองทุน กยศ. ต้องกำหนดเงื่อนไขให้ผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระจะต้องเสียเบี้ยปรับนั้น เพื่อเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้ตรงตามกำหนดเท่านั้น โดยคิดเบี้ยปรับ 12% ในปีแรก และคิดเบี้ยปรับ 18% ในปีถัดไป ทั้งนี้ กองทุนได้ปรับลดอัตราเบี้ยปรับเหลือ 7.5% ตั้งแต่เดือน ต.ค.2562 เป็นต้นมา
อีกทั้งกองทุนยังเปิดโอกาสให้ผู้กู้ยืมขอผ่อนผันชำระหนี้ในกรณีที่ยังไม่มีรายได้ หรือรายได้ไม่เกินเดือนละ 8,008 บาท หรือเป็นผู้ประสบภัยพิบัติ หรือเป็นผู้มีรายได้ถดถอย หรือเป็นผู้กู้ยืมเงินที่มีความจำเป็นต้องดูแลบุคคลในครอบครัวซึ่งชราภาพ ป่วย หรือพิการอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูล สำนักข่าวอิศรา (www.isranews. org)
