“ดอกรัก” ควรบานได้ทุกที่ ยกเว้นที่ “ต้น งิ้ ว”

“ดอกรัก” ควรบานได้ทุกที่ ยกเว้นที่”ต้น งิ้ ว”

ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ประสบปัญหา แฟนหรือสามีนอกใจกันเยอะมาก

ส่วนหนึ่งมาจากคนเหล่านั้น ลุ่มหลงในภาพลักษณ์ ในกามที่นำไปสู่ความ เ สื่ อ ม เป็นบัวใต้น้ำที่ไม่รู้จักคำว่าพอ

ยังไม่รู้และเข้าใจความหมายของชีวิตว่าเกิดมาเพื่ออะไร มองว่านั่นคือความสุขที่ยั่งยืน หารู้ไม่ว่าสุดท้ายแล้วทุกคนก็หนีไม่พ้นบ าป-บุญที่กระทำมา

คนเหล่านั้นประตู น ร ก เปิดอ้ารอต้อนรับอยู่แล้วหากต า ยไป

หากเราเกิดมาในพระพุทธศาสนา อยากให้เชื่อเรื่องของบ า ป บุญ กฏแห่งกร รม ทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลนั้นแน่นอนหนีไม่พ้น

หากในชีวิตเราต้องเจอคนแบบนี้ในชีวิต ก็ขอให้ปล่อยและตัดใจ ให้อภัย อย่าคิดแก้แค้น ส าบ แ ช่ ง หรือจอง เ วรอีกเลย

ให้คิดเสียว่า เรา ยินดีชดใช้กร รมให้หมดๆ ในชาตินี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาทุก ข์ ท ร ม านอีกในชาติภพหน้าอีก

ขอคัดกร รมไม่จองเวรจองกร รมกับคนที่มาสร้างทุ กข์ให้กับเราอีก

ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจอคนแบบนี้อีก ขอให้ทุกๆอย่างมันจบสิ้นในชาตินี้ ตั้งจิตอธิฐานและขอให้ผลของการไม่ผิดศีลข้อ 3

จงประสบพบเจอรักที่จริงใจ ซื่อสัตย์ ไม่ทรยศ หักหลัง ขอให้เจอร้กแท้ที่เป็นเนื้อนาบุญส่งเสริม เกื้อหนุนให้ไม่ต้องพลัดพรากจากกันอีก

ขอให้เจอคนศีลเสมอกัน การลืมคนที่รักอาจจะทำ ย าก มากๆ

แต่เมื่อวางได้ ปล่อยได้ เราจะพบกับความสุขที่แท้จริงได้จากภายในของเราเอง

และยังมีอีก 7 วิธีคิดเพื่อรักตัวเองให้เป็น เห็นคุณค่าในตัวเอง และรักตัวเองมากขึ้น

หลายคนมักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือแม้กระทั่งเปรียบเทียบกับตัวเองในอดีตที่เคยดีกว่าปัจจุบัน จนทำให้รู้สึกหดหู่ ไร้ค่า สู ญ เ สี ย ความภูมิใจในตัวเองมากขึ้นทีละนิด จนในที่สุดอาจมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง นี่คือ 7 วิธีที่จะทำให้ รักตัวเองให้เป็น กลับมาเห็นคุณค่าในตัวเองและรักตัวเองมากขึ้น

1 ยอมรับความอ่อนแอ

แน่นอนว่าทุกคนต้องมีช่วงเวลาที่อ่อนแอและเป็น ทุ กข์ รู้สึกไม่รักตัวเอง เมื่อถึงตรงนี้ไม่ควรต่อต้านความรู้สึกนั้น เพราะยิ่งต่อต้าน ยิ่งทำ ร้ ายตัวเอง วิธีการที่จะ รักตัวเองให้เป็น คือหากเราอนุญาตและยอมรับให้ตัวเอง “เหงา” “เป็น ทุ กข์” และ “อ่อนแอ” ได้ตามที่เป็น จะมีพลังงานออกมาจากการยอมรับนั้น หากยอมรับความเป็นจริง เราก็จะมีความกล้าและรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต

2 ไม่มุ่งหาแต่ความสำเร็จ

วิธี รักตัวเองให้เป็น ข้อต่อมา คือ อย่าเอาแต่หาความสำเร็จจนไม่มองความรื่นรมย์ต่างๆ รอบตัว

ในช่วงแรกๆของชีวิต คนเราต่างวิ่งเข้าหาความสำเร็จ แต่เมื่ออายุมากขึ้น เราจะเริ่มมองเห็นคุณค่าของสิ่งอื่น เพราะเราเริ่มเข้าใจหลักการที่ว่า เมื่อมีขึ้นก็ย่อมมีลง ดังนั้นเราจึงควรเริ่มหันมาสนใจเรื่องความสุขหรือการฝึกฝนจิตใจและความสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากกว่าความสำเร็จ

3 อย่าคาดหวังความสมหวัง

เมื่อประสบความสำเร็จตามที่ต้องการแล้ว คิดว่าเราจะมีความสุขไปเรื่อยๆ ใช่ไหม มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

หลังความสุขเพียงชั่วครู่จากการประสบความสำเร็จจะมีคลื่นความห่อเหี่ยวใจซัดขึ้นมา หลังความสำเร็จจะมีเรื่อง ร้ าย ที่เราคาดไม่ถึงมาสร้างสถานการณ์ใหม่ให้เกิดขึ้นอีก ดังนั้นจงมีความสุขกับปัจจุบัน ชีวิตไม่มีอะไรสมหวังไปทั้งหมดหรอก

ถ้าคิดได้แบบนี้เมื่อเจอเรื่องไม่สมหวัง ก็ยังจะรู้สึกรักและเห็นคุณค่าในตัวเอง

4 พอใจในชีวิตตัวเอง

เรามักเปรียบเทีบยตัวเองกับคนอื่นจนรู้สึกด้อยค่า นี่คือการรักตัวเองไม่เป็น วิธีที่จะทำให้เราไม่รู้สึกต่ำต้อย แม้จะอยู่ต่อหน้าคนที่มีอำนาจคือ การที่เราพอใจในชีวิตของตนเอง

ถ้าเราไม่ได้ต้องการอะไรจากอีกฝ่าย เราก็สามารถยืดอกได้ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าใครทั้งนั้น เราต่ำต้อยลงเวลาที่เราต้องการอะไรจากคนอื่น

คำตรงข้ามของความ โ ล ภ ไม่ใช่การควบคุมจิตใจ แต่คือการรู้จักพอใจต่างหาก

5 ยอมรับทั้งคำชมและคำตำหนิ

ชีวิตของทุกคนย่อมเจอทั้งคำชมเชยและคำตำหนิ ความดีใจและความเสียใจ การได้รับและการสูญเสีย ความสุขและความเจ็บปวด ดังนั้น แม้จะต้องเผชิญกับคำตำหนิและความเสียใจ การสู ญ เ สี ย และความ เ จ็ บ ป ว ด แต่ถ้าเราไม่ตกใจและตั้งหลักได้ นี่ก็เป็นเพียงการฝึกฝนจิตใจอย่างหนึ่ง เราจะโทษตัวเองน้อยลงเมื่อโดนตำหนิ และจะไม่โอหังจนเกินไปเมื่อได้รับคำชม ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้จะทำให้เรารักตัวเองเป็นและรักตัวเองมากขึ้น

6 ไม่ยึดติดความคิดตัวเองจนเกินไป

หลายคนไม่เชื่ออะไรเลย ไม่เชื่อคำเตือนจากใครทั้งสิ้น เชื่อแต่ความคิดของตัวเองเท่านั้นว่าถูก แต่เคยสังเกตไหมว่าความจริงแล้วนั่นทำให้เรา ทุ ก ข์ มาก

อย่าทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับความคิดของเรา ความคิดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเมฆก้อนหนึ่งที่เกิดขึ้นชั่วครู่ตามสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งเราไม่สามารถควบคุมได้ แต่นั่นไม่ใช่ตัวตนจริง ๆ ของเรา

ถ้าไปยึดติดกับความคิดที่เกิดขึ้น ดังนั้น จงอย่าไปยึดติดกับความคิดที่กำลังจะผ่านไป

7 รักษาสมดุลร่างกายและจิตใจ

แน่นอนว่าการทุ่มเทให้การทำงาน การรักการออกกำลังกาย เป็นเรื่องดี แต่ระวังว่ามันจะหนักเกินไป การพักคือเรื่องสำคัญที่สุดประการหนึ่ง อย่าเข้าใจผิดว่าการทำให้กายและใจเหนื่อยเกินไปเป็นการฝึกฝนจิตใจได้ดี

กายต้องขยับตามสมควรแก่กำลังที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น จิตต้องได้พักเพื่อชาร์จพลัง นี่ต่างหากคือการรักตัวเองที่แท้จริง

เพราะฉะนั้น นอนให้เพียงพอและกินอาหารตรงเวลา นั่งสมาธิก็อย่าหักโหมจนเกินไป รักษาสมดุลของกายและใจไว้ ชีวิตจะก้าวไปข้างหน้าได้เร็วกว่าแน่นอน

เรียบเรียงเนื้อหาโดย คิดเป็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

67 − = 59

Back To Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า