อย่ าเป็นคนที่ชินกับ “การได้” แต่ “ไ ม่สำนึกคุณ”
ทำไมพวกเขาไ ม่เห็นคุณอยู่ในสายตา
เพราะคุณยังไงก็ได้ อะไรก็ดี
มีเรื่องอะไร รายงานคุณก็จบ
อยากได้อะไร แค่บอก “คุณก็ให้”
ทำผิ ดอะไรคุณก็ไ ม่ติดใ จเอาความ
“ ถูกทำຣ้ๅຢ ” ครั้งแล้ว ครั้งเล่า คุณก็ยังยอมทน
จำไว้สำหรับคนบางคนนั้น “ ชินกับการได้ ” อยู่อย่างเดียว
แต่ไ ม่เคยสำนึกบุญคุณ
“ชินกับความใ จดี” ของคุณ แต่ไ ม่เคยเห็นค่า
“ชินกับความใ จกว้าง” ของคุณ แต่ไ ม่เคยเจียมตัว
เป็นคนใ จดี ก็ดีอยู่ แต่จงมีขอบเขต
อย่ าเ อาแต่นึกถึงคนอื่น
หันกลับมาถามตัวเองดูບ้ๅงว่า
ใครที่นึกถึง “ ความรู้สึกของคุณ ”
ไ ม่มีใคร กลั วว่าจะถูกคนอื่นทำຣ้ๅຢ
เขากลั วคนที่กลับมา “ทำຣ้ๅຢ”
คือ คนที่เขา “ไว้ใ จและເɤื่ວใ จ” ที่สุด
ไ ม่มีใครก ลัวว่าจะถูกคนอื่น “ หัวเราะเยาะ ”
เขากลั ว คนที่หันกลับมาหัวเราะเยาะ
คือ คนที่เขาไ ม่เคยมีความลับใดๆ
การที่เป็น “ คนมีน้ำใ จ ” ไ ม่ได้แปลว่า“ ໂງ่ ”
การที่เป็น “ คนดี ” ก็ไ ม่ได้แปลว่า “ เ ซ่อ ”
ใช่ว่าเขาไ ม่รู้ว่าเธอเป็นคนยังไง
เขาก็แค่ “ ไ ม่พูดมันออกมา ” เท่านั้นเอง
ที่มา นุสนธิ์บุคส์