ถ่ายรูปติดหน้าคนอื่น ต้องเบลอก่อนลงไหม

กฎหมาย PDPA ถ่ายรูปติดหน้าคนอื่น ต้องเบลอก่อนลงไหม 

เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว สำหรับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ว่าการกระทำใดจะเข้าข่ายความผิ ด สามารถถ่ายรูปติดหน้าคนอื่นได้ไหม หรือนำไปโพสต์ลงโซเชียลเหมือนก่อน ๆ ได้หรือไม่

 (30 พฤษภาคม 2565) รายการข่าวค่ำ Thai PBS รายงานบทสัมภาษณ์ นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษา กมธ.ยกร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนตัว เปิดเผยถึงเรื่องนี้ยืนยันว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การปราบปราม แต่เพื่อต้องการเอ าผิ ดคนที่ละเมิดเอ าข้อมูลส่วนบุคคลไปทำให้เกิดความเสี ยหาย

การเซลฟี่ติดคนอื่น – รีวิวสถานที่ – ติดวงจรปิด – แอบถ่ายพนักงานเพื่อร้องเรียน ทำได้หรือไม่ ?

– การถ่ายรูปเซลฟี่ เช่น ถ่ายที่ร้านอาหารแล้วติดใบหน้าคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ สามารถทำได้ และสามารถโพสต์ลงโซเชียลได้เช่นกัน เพราะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นการถ่ายเพื่อเน้นตัวเองและเพื่อนเป็นหลัก เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ไม่ผิ ดกฎหมาย แต่คนอื่นที่ติดมาในรูปก็มีสิทธิ์ขอให้ลบรูปได้เช่นกัน

วิธีป้องกัน คือ ก่อนลงโซเชียลควรเบลอบุคคลอื่น หรือหาสติ๊กเกอร์มาปิดบังใบหน้าบุคคลอื่น เพื่อป้องกันการถูกทักท้วงให้ลบรูปภายหลังได้

– ยูทูบเบอร์ หรือการรีวิวที่พัก และร้านอาหาร ก็สามารถถ่ายคลิปหรือรูปได้เหมือนเดิม ไม่ผิ ดกฎหมาย ยกเว้นมีการถ่ายเจาะหรือซูมไปที่บุคคลอื่นในลักษณะที่มีเจตนาไม่ดีอย่างชัดเจน เช่น ซูมเห็นหน้าบุคคลอื่น หรือซูมเข้าไปที่ส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย รวมถึงถ่ายติดแล้วเอ าไปใช้ในเชิงพาณิชย์ แบบนี้ถึงจะมีความผิ ด

– กล้องวงจรปิดติดในบ้าน, หน้าบ้าน และกล้องหน้ารถ สามารถติดตั้งได้โดยไม่ต้องมีการติดป้ายบอก เพราะถือเป็นการติดตั้งเพื่อประโยชน์ด้านความปลอดภั ยของเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ยกเว้นมีการซูมให้เห็นคนอื่นแล้วนำไปใช้ประโยชน์อื่น แบบนั้นถึงจะมีความผิ ด

– กล้องวงจรปิดตามอาคาร สำนักงาน ก็สามารถติดตั้งได้เช่นกัน แต่จากนี้จะต้องติดป้ายแจ้งเตื อนว่าบริเวณนี้มีกล้องวรจรปิด เพราะถือว่าเป็นสถานที่สาธารณะ ที่คนที่เป็นเจ้าของข้อมูล หรือคนที่มาใช้อาคารมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าตัวเองกำลังถูกถ่ายวิดีโอหรือภาพอยู่

– การถ่ายรูปเจ้าหน้าที่ หรือบุคคล เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการดำเนิน ค ดี สามารถทำได้ หากมีความสงสัยในตัวบุคคลนั้น ๆ เพราะถือว่าเป็นการถ่ายเพื่อประโยชน์สาธารณะ

– การถ่ายรูปหรือคลิปพนักงาน เพื่อหวังจะเอาไปใช้ร้องเรียนต่าง ๆ ก็ทำได้เช่นกัน แต่ต้องแจ้งให้บุคคลนั้น ๆ รับทราบก่อน เพื่อป้องกันการถ่ายลักษณะเอาไปใช้คุ กคา ม หรือข่ มขู่

ทั้งนี้ มีข้อแนะนำเพิ่มเติมว่า หน่วยงานหรืออาคารต่าง ๆ ควรยกเลิกการแลกบัตรประจำตัวประชาชน เพราะในบัตรมีข้อมูลส่วนตัว การแจ้งชื่อ – นามสกุล เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เลขบัตรประชาชน หรือที่อยู่ เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล ซึ่งกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนตัว นี้ คาดว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องของมิ จฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้

อย่างไรก็ตาม ในปีแรกของการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนตัว จะยึดหลักการไกล่เกลี่ยก่อน ส่วนการดำเนินการหรือการลงโ ทษจะเป็นมาตรการขั้นสุดท้าย

ขอบคุณข้อมูลจาก รายการข่าวค่ำ Thai PBS

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

56 − 46 =

Back To Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า